เลือกใช้ iPad รุ่นไหนดีนะ ให้คุ้มและเหมาะกับเรา
top of page
  • รูปภาพนักเขียนiPhone iOS Thailand

เลือกใช้ iPad รุ่นไหนดีนะ ให้คุ้มและเหมาะกับเรา



คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคของความล้ำทันสมัยที่นอกจากจะต้องใช้ไอเดียในการทำงานอย่างหนักหน่วงแล้ว การแข่งขันที่มัวแต่จะนั่งเทียนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ไม่ทันโลกอนาคตแน่ๆ ดังนั้นการจะออกไปหาไอเดียในการทำงานกับสมุดโน๊ตน่ะเหรอ.. ก็คงจะเก่าไป ปัจจุบันอิเตอร์เน็ต WiFi มีให้ใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา คงจะง่ายกว่าถ้าจะมีอุปกรณ์ช่วยในการสรรค์สร้างงานไอเดียที่อยู่ๆก็ปิ๊ง!!..ออกมา อย่าง iPad ที่จะตอบสนองและรับกับทุกๆไลฟ์สไตล์การทำงานและความสนุกได้ในคราวเดียวกัน ในที่นี้มาเลือกซื้อ iPad ที่จะสามารถจูนได้เข้ากับตัวเรากันดีกว่า



Photo by Apple


1. Apple iPad mini


เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการจะพกพาไปได้ทุกที่ทุกเวลาตามไลฟ์สไตล์แบบชิลๆที่เป็นเหมือนเพื่อนที่รู้ใจ ได้สร้างงานสร้างเสียงหัวเราะ กับน้ำหนักตัวราวๆ 300 กรัม หยิบจับถนัดมือ เก็บได้ทุกที่ กับขนาดหน้าจอภาพ Retina 7.9 นิ้วและชิพ A12 Bioni ใช้กับคีย์บอร์ด Bluetooth ได้และยิ่งกว่างานสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพกับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1)


เป็น iPad น้องเล็กสุดในรุ่น ซึ่งจะมีขนาดพอดีมือไม่ใหญ่มากหรือเล็กจนเกินไปหากไม่เน้นเรื่องกราฟฟิกแน่นๆรุ่นนี้ก็ใช้ได้ อีกทั้งเป็นไอแพดที่เหมาะสำหรับการพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกกับแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 10 ชั่วโมงด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว ยังยกระดับผลงานอย่างมีคุณค่ากับ Adobe Photoshop CC ที่ใช้ร่วมกับปากกา iPad ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วย Application ต่างๆ มากมายที่จะทำให้ได้ท่องโลกและสะสมประสบการณ์การทำงานเพียงแค่หน้าจอ 7.9 นิ้ว



Photo by Apple


2. Apple iPad


เหมาะสำหรับ : คนที่เน้นการใช้งานได้หลากหลาย พกพาได้สะดวก ขนาดพอเหมาะ

ทำงานเฉกเช่นการใช้คอมพิวเตอร์ได้เลย ด้วยขนาดจอภาพ Retina ขนาด 10.2 นิ้วกับ

ชิพ A12 Bionic ใช้ร่วมกับ Smart Keyboard และ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ได้อย่างลงตัว

สำหรับ iPad รุ่นนี้จะมีการรองรับกับปากกา iPad (Apple Pencil) และเป็นรุ่นที่มีราคาประหยัด

กว่ารุ่นอื่นๆมากแต่ความสามารถไม่ได้ประหยัดตามราคาเลย


เหมาะกับการใช้งานโดยทั่วไปแต่มากด้วยขุมพลังความเป็นมืออาชีพที่ซ่อนไว้ข้างใน

สามารถจะพกพาไปด้วยได้ทุกที่ พกกิจกรรมทุกอย่างไปได้ทุกเวลา ฟังดูเหมือนธรรมดา

แต่ถ้าจะใช้หลายๆ แอพได้พร้อมๆ กันเข้ากับไลฟ์สไตล์ของยุคดิจิตัล ก็ต้องร้อง ว้าว! กันเลยทีเดียว

เช่นดูหนัง เล่นเกม ท่องเว็บ วาดรูป นอกจากจะมีแอพพลิเคชั่นรองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายแล้ว

การสแกนนิ้วเพื่อรักษาความปลอดภัยก็เทียบเท่าการทำงานในระดับคอมพิวเตอร์เลย

รุ่นนี้ถือว่าเป็นเพื่อนไปได้ทุกที่กับทุกคนเลย



Photo by Apple


3. Apple iPad Air


เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการใช้งานได้หลากหลายและซับซ้อนและไม่ต้องกลัวสะดุด

กับฟังก์ชั่นและอุปกรณ์ที่ออกมาคู่กันได้ ยิ่งกว่าทำงานบนคอมพิวเตอร์เลย ด้วยจอภาพ Liquid

Retina ขนาด 10.9 นิ้ว กับชิพ A14 Bionic และใช้งานร่วมกับ Magic Keyboard และ Smart

Keyboard Folio ได้อย่างเก๋ไก๋ รวมไปถึง Apple Pencil (รุ่นที่ 2) ที่เป็นมากกว่ามืออาชีพ


เป็น iPad รุ่นที่เป็นรองจาก iPad Pro เพียงแค่ฟังก์ชั่นบางตัวเท่านั้นที่ถูกตัดออกไป

แต่ยังความเป็นไฮเทค และตอบรับการทำงานได้แบบครบจบในตัวเดียว

กับความรวดเร็วด้วยการยืนยันตัวตนด้วยระบบ Touch ID และการทำงานของ CPU ที่เร็วขึ้นกว่า

40% ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกราฟฟิกแน่นๆ ดูหนัง ฟังเพลง

ตัดต่อวีดีโอ ท่องเน็ต เป็นต้น



Photo by Apple


4. Apple iPad Pro


เหมาะสำหรับ : คนที่เน้นทำงานในแบบฉบับคอมพิวเตอร์ ทั้งในด้านที่เน้นกราฟฟิกแน่นๆหนักๆ

ความซับซ้อน ข้อมูลมากมาย แต่ไม่ต้องจับเจ่าอยู่กับที่แบบเดิมๆไม่ต้องเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโรม ด้วยจอภาพ Liquid Retina ขนาด 12.9 นิ้ว และ 11 นิ้ว เลือกซื้อได้ตามต้องการกับ ชิพ A12Z Bionic และการใช้งานกับ Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio รวมไปถึงใช้งานได้กับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2)


สำหรับ iPad รุ่นนี้ถือว่าโปรสุดๆ ด้วยการใช้ Face ID ที่ถือได้ว่ารักษาความปลอดภัยได้ดีที่สุดในโลก ยิ่งกว่าการใช้งานในคอมพิวเตอร์ กับกราฟฟิคระดับ 8-Core ที่ระดับมืออาชีพต้องยอมใจ กับการตัดต่อวีดีโอ และแต่งภาพได้แบบไม่ต้องง้อคอมพิวเตอร์


การใช้งานกับฟังก์ชั่นในระดับ iPadOS ที่ทันสมัยและใหม่แกะกล่อง และไม่หยุดเพียงแค่นี้ยังจะพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เพื่อรองรับการทำงานในยุค New Normal แบบใกล้ชิดติดจอกันเลย



Photo by Apple


Apple Pencil (รุ่นที่ 1)


ปากกา iPad ที่จะช่วยขยายศักยภาพความสามารถของ iPad mini, iPad Air และ iPad อีกทั้งยังใช้เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ แสดงความสามารถและมีโอกาสได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างมืออาชีพ ด้วยการใช้งานที่เป็นธรรมชาติยิ่งกว่าการใช้ดินสอ แต่ขีดเขียนตัวหนังสือ และลวดลายได้อย่างใจต้องการ รวมทั้งความแม่นยำ

แรงกด ความลาดเอียง เว้าโค้งระดับพิกเซล ที่ระดับมืออาชีพจะต้องมีพกไว้ โดยจะใช้ได้กับ iPad รุ่นต่างๆดังนี้

  • iPad (รุ่นที่ 8)

  • iPad mini (รุ่นที่ 5)

  • iPad (รุ่นที่ 7)

  • iPad (รุ่นที่ 6)

  • iPad Air (รุ่นที่ 3)

  • iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 1 หรือ 2)

  • iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว

  • iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว


Photo by Apple


Apple Pencil (รุ่นที่ 2)


ปากกา iPad ที่จะเพิ่มความแม่นยำได้ในระดับพิกเซลและยังเป็นอุปกรณ์ระดับแถวหน้าของเทคโนโลยีการสร้างสรรค์ผลงาน การออกแบบ วาดขีดเขียน

ระบายสี จดบันทึก ทำเครื่องหมายในอีเมล ใช้งานง่ายและเป็นธรรมชาติ Apple Pencil (รุ่นที่ 2)

ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับการใช้งาน iPad Pro และ iPad Air โดยมีด้านหนึ่งที่มีลักษณะแบนราบที่จะใช้ยึดติดด้วยแม่เหล็กสำหรับการชาร์จและกับการจับคู่ได้อย่างอัตโนมัติ


● iPad Air (รุ่นที่ 4)

● iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3) และใหม่กว่า

● iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1) และใหม่กว่า


อย่างไรก็ดีการเลือกใช้งานเอง หรือจะเลือกให้เป็นของขวัญไม่ว่าจะโอกาสใดๆก็ตาม นอกจากอยู่ที่ความชอบส่วนตัวแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งต่อๆไปในทุกๆอาชีพอาจจะไม่จำเป็นจะต้องทำงานอยู่กับที่ แต่ยังได้ทำงาน ได้เที่ยว ได้เก็บรวบรวมไอเดียได้แบบไม่มีอะไรจะมาปิดกั้นได้อีกต่อไป


Shopee 2.2 Free Shipping Sale จัดโปรโมชั่นเด็ดรับต้นปี! พบกับดีลพิเศษ

ให้คุณช้อปกันแบบส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ!

พร้อมกองทัพสินค้าของแท้จากแบรนด์ดังที่มาพร้อมโปรโมชั่นส่งฟรีทุกวัน พลาดไม่ได้

เริ่มช้อปพร้อมกัน ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น!


อ้างอิงข้อมูล : Apple

bottom of page