iPhone iOS Thailand
iOS 13 มาแล้ว!!! ฟีเจอร์ใหม่มีอะไรบ้าง มาดูกัน!!
ระบบปฏิบัติการ iOS 13 ถูกเปิดตัวครั้งแรก ในงาน WWDC 2019 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และวันนี้ 20 กันยายน 2019 เปิดให้อัพเดตแล้วเป็นที่เรียบร้อยครับ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. โหมดมืด (Dark Mode)
โหมดมืด หรือ Dark Mode จะเปลี่ยนแอปต่างๆ ให้แสดงผลในโทนสีมืด ซึ่งเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่แสงน้อย ช่วยให้รู้สึกสบายตามากขึ้น และแสงจะไม่สว่างเกินจนรบกวนคนรอบข้าง โดยสามารถเข้าไปเลือกเปิดใช้งานเองได้ที่ Control Center หรือในส่วนของ การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง และสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด โหมดมืดได้ด้วย ทั้งแบบตามที่ผู้ใช้งานกำหนดหรือ ตามเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น และดวงอาทิตย์ตก เมื่อเปิดใช้งานโหมดมืด ภาพพื้นหลังที่มาพร้อม iOS จะปรับเปลี่ยนการแสดงผลให้เข้ากับโหมดมืดโดยอัตโนมัติ

2. รูปภาพและกล้อง

แถบรูปภาพแบบใหม่ : เป็นการแบ่งรูปและวิดีโอในคลัง โดยแบ่งเป็นหมวด ปี เดือน และ วันที่ และสามารถเข้าไปดูทุกอย่างได้ใน “รูปภาพทั้งหมด”
Live Photos : วิดีโอ และ Live Photos จะเล่นอัตโนมัติแบบปิดเสียงเมื่อเลื่อนดู ทำให้การดูรูปมีชีวิตชีวาขึ้น
แสดงตัวอย่างรูปภาพอัจฉริยะ : ภาพตัวอย่างในหมวด วัน, เดือน, ปี จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยแยกรูปแต่ละช็อตแบบชัดๆให้ โดยเลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดของรูปมาแสดงเป็นตัวอย่าง และเวลาที่แตะเข้าไปดูรูปจะได้เห็นรูปภาพเวอร์ชั่นที่ไม่ถูกครอบตัด
เอารูปภาพซ้ำๆออก : รูปที่ซ้ำๆกัน อย่างภาพถ่ายหน้าจอ รูปถ่ายเอกสาร หรือรูปที่ถ่ายมุมคล้ายๆกัน จะถูกแยกและซ่อนไว้ เพื่อให้เห็นเฉพาะรูปภาพที่ดีที่สุด
กิจกรรมสำคัญ : การแบ่งรูปภาพตามหมวดเดือน จะมีการแบ่งแยกย่อยตามกิจกรรมด้วย โดยจะแสดงชื่อสถานที่ หรือ เทศกาล ให้สามารถรำลึกถึงกิจกรรม หรือเหตุการณ์ตอนนั้นๆได้
โหมดวันเกิด : ถ้าเราใส่วันเกิดให้กับบุคคลในอัลบั้ม "ผู้คน" แถบรูปภาพจะไฮไลท์รูปภาพที่มีบุคคลนั้นๆ เมื่อถึงวันเกิดของพวกเขา

สามารถปรับคุณภาพของรูปได้ : โดยสามารถปรับค่าต่างๆของรูป เช่น เปิดรับแสง แสงไฟรอบๆ ไฮไลท์ เงา ความต่างระดับสี ความสว่าง จุดดำ ความอิ่มตัว และความมีชีวิตชีวา

รองรับการปรับแต่งวิดีโอ : สามารถปรับแต่งวิดีโอได้ด้วยค่าการปรับแต่งต่างๆ ทั้งใส่ฟิลเตอร์ และครอบตัด หมุน เพิ่มการเปิดรับแสง หรือแม้แต่ใส่ฟิลเตอร์ให้กับวิดีโอได้ โดยการแก้ไขวิดีโอสามารถใช้ได้กับทุกรูปแบบไฟล์วิดีโอที่บันทึกด้วย iPhone

ปรับความเข้มของแสงในการจัดแสงภาพถ่ายบุคคล : สามารถปรับตำแหน่งและความเข้มของแสงไฟสตูดิโอแบบเสมือนจริง เพิ่มความเข้มของแต่ละเอฟเฟ็กต์ในการจัดแสงภาพถ่ายบุคคลได้ โดยเลื่อนแสงไฟให้เข้าใกล้แบบมากขึ้น เพื่อปรับให้ผิวเรียบเนียนเพิ่มความคมชัดของตา และทำให้ส่วนสำคัญบนใบหน้าสว่างขึ้น หรือลดความเข้มของแสงโดยเลื่อนแสงไฟออกห่างจากแบบ เพื่อปรับอารมณ์ของภาพให้ดูเข้มน่าค้นหาและเฉียบคม
ขาวและดำไฮคีย์ : เอฟเฟ็กต์ใหม่ของการจัดแสงภาพถ่ายบุคคลที่ช่วยสร้างสรรค์ลุคอันสวยงามในสไตล์คลาสสิก โดยมีตัวแบบเป็นสีขาวดำบนพื้นหลังสีขาว
3. ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย
การอนุญาตให้แอปใช้งานระบุตำแหน่งที่ตั้ง : สามารถควบคุมข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งที่ส่งไปยังแอพต่างๆ โดยคุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการอนุญาตให้แอพเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของคุณเพียงครั้งเดียว หรือทุกครั้งที่ใช้งานแอพก็ได้
แจ้งเตือนเมื่อใช้ตำแหน่งที่ตั้ง : ระบบจะแจ้งเตือนเมื่อมีแอปใดแอปหนึ่งใช้งานตำแหน่งที่ตั้งอยู่ และป้องกันไม่ให้แอพเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของคุณโดยไม่ได้รับความยินยอมในขณะที่คุณใช้ Wi‑Fi และ Bluetooth
ระบุตำแหน่งเมื่อแชร์รูป : สามารถควบคุมได้ว่าต้องการแชร์ตำแหน่งที่ตั้งหรือไม่ เมื่อแชร์รูปภาพใดรูปภาพหนึ่ง

ลงชื่อเข้าใช้งานแอปและเว็บไซต์ด้วย Apple ID : ผู้ใช้งานสามารถลงชื่อเข้าแอปและเว็บไซต์ที่มีอยู่ โดยไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม/สร้างรหัสผ่านใหม่ได้ แค่เลือก “ลงชื่อเข้าด้วย Apple” แล้วยืนยันอย่างรวดเร็วด้วย Face ID หรือ Touch ID เท่านี้ก็เรียบร้อย
ซ่อนอีเมล : หากไม่แน่ใจว่าอยากจะแชร์ที่อยู่อีเมลให้กับแอพบางแอพ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะแชร์หรือซ่อนที่อยู่อีเมลของคุณ และคุณยังสามารถเลือกให้ Apple สร้างที่อยู่อีเมลเฉพาะ สำหรับใช้ส่งต่อข้อความไปยังอีเมลจริงของคุณได้อีกด้วย
เคารพความเป็นส่วนตัว : Apple จะไม่มีทางติดตามหรือเก็บข้อมูลของคุณเมื่อคุณลงชื่อเข้าด้วย Apple ข้อมูลอย่างมากที่สุดที่ต้องแชร์กับแอพหรือเว็บไซต์ก็คือชื่อและที่อยู่อีเมลเท่านั้น
4. แผนที่

แอพแผนที่โฉมใหม่ : สามารถสำรวจเมืองแบบ 3D สมจริง หมุน 360 องศาได้ และเลื่อนดูตามถนนได้อย่างลื่นไหล มีความละเอียด และดูสมจริงขึ้น ทั้งถนน อาคาร สวนสาธารณะ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าให้สถานที่ต่างๆ เช่น บ้าน ที่ทำงาน ร้านกาแฟ ร้านอาหารโปรด เป็นรายการโปรดได้ด้วย โดยภาพแผนที่แบบใหม่นี้จะเริ่มต้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก่อน และจะทยอยปรับปรุงแผนที่ใหม่ออกไปยังประเทศอื่นต่อไป
5. Siri และ AirPods
Siri สามารถทำงานร่วมกับแอปต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพด้วยคำสั่งลัดที่มาพร้อมเครื่อง รวมไปถึงคำสั่งลัดที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้นเอง นอกจากนี้ Siri ยังสามารถตรวจจับรายการเตือนความจำในข้อความและกิจกรรมในแอพจากบริษัทอื่นได้ด้วย

AirPods มี Audio Sharing : เป็นฟีเจอร์การแชร์เสียงซึ่งจะต้องเชื่อมต่อหูฟังไร้สาย 2 ตัวกับ iPhone จากนั้นก็จะสามารถควบคุมเสียงและการเล่นเพลงหรือมีเดียบน iPhone เครื่องเดียว แต่สามารถรับฟังบนหูฟังได้พร้อมกัน 2 ตัว
การอ่านข้อความโดย Siri : Siri สามารถอ่านออกเสียงข้อความที่ส่งถึงเราให้ฟังทาง AirPods รุ่นที่ 2 ในตอนที่ไม่สามารถหยิบโทรศัพท์มาดูได้
6. Memoji และข้อความ

การปรับแต่ง Memoji ที่ปรับปรุงใหม่ : มีเครื่องสำอางเพิ่มมา ทำให้ปรับแต่งสีแก้มและอายแชโดว์ได้ และยังมีเครื่องมือแก้ไขที่ทำให้การสร้างลุคที่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ว่าใส่เหล็กจัดฟัน ใส่ห่วงที่จมูก คิ้ว หางตา หรือว่ารอบๆ ปากก็ใส่ได้เลย แถมยังมีทรงผมใหม่ 30 แบบ เครื่องประดับศีรษะใหม่อีกกว่า 15 แบบ รวมไปถึงตุ้มหูและแว่นตาอีกจำนวนมาก
Memoji จะกลายเป็นสติ๊กเกอร์ : สามารถสร้างชุดสติ๊กเกอร์ที่อยู่บนคีย์บอร์ดอัตโนมัติ และใช้งานได้กับแอปข้อความ E-mail และแอปอื่นๆอีกด้วย
7. แอปเตือนความจำ

ดีไซน์ใหม่หมด : ในการสร้าง จัดระเบียบ และติดตามรายการเตือนความจำ
การเตือนความจำที่แนะนำโดย Siri ในระหว่างที่คุณแชทกับใครบางคนในแอพข้อความ หาก Siri พบว่ามีเนื้อหาที่อาจต้องการการเตือนความจำ ก็จะเสนอคำแนะนำให้คุณสร้างขึ้น
แถบเครื่องมือด่วนใหม่ : จะอยู่เหนือคีย์บอร์ด ทำให้การเพิ่มวันที่ เวลา สถานที่ ธง หรือแม้แต่เอกสารแนบที่มีประโยชน์อื่นๆในการเตือนความจำเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย
8. CarPlay

แดชบอร์ด CarPlay แบบใหม่ : มาพร้อมการวางแผนเส้นทาง การค้นหาและการนำทางที่ง่ายขึ้น ทั้งยังมีมุมมองทางแยกในประเทศจีนอีกด้วย นอกจากจะดูตำแหน่งในแผนที่แล้ว ยังควบคุมเสียง และรับคำแนะนำโดย Siri รวมถึงสามารถดูปฏิทิน และตารางงานต่างๆได้จาก CarPlay เพื่อไม่ให้พลาดการนัดหมายที่ลงบันทึกไว้
Apple Music บน CarPlay : หาเพลงที่อยากฟังได้ง่ายยิ่งขึ้น และเลือกให้แสดงรูปปกอัลบั้มได้ด้วย
มุมมองแอพแบบอิสระ : แอพที่เปิดบน iPhone จะไม่ส่งผลกับสิ่งที่แสดงบนหน้าจอ CarPlay คนนั่งสามารถเลือกเพลงบนอุปกรณ์ได้ในขณะที่คนขับก็ดูแผนที่ไปด้วย
9. ประสิทธิภาพ

iOS 13 เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น : สามารถปลดล็อคเครื่อง โดยใช้ Face ID ได้ไวขึ้นกว่าเดิมถึง 30% เมื่อเทียบกับ iOS 12 แถมยังเปิดแอปไวขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า และยังมีขนาดการดาวน์โหลดที่เล็กลงด้วย
10. เทคโนโลยี AR

ARKit 3 สามารถวางวัตถุเสมือนไว้ หน้า หรือ หลัง ตัวคนได้อย่างเป็นธรรมชาติ และสมจริงยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานได้เต็มอิ่มไปกับประสบการณ์ AR มากยิ่งขึ้น
11. การทำงานส่วนอื่นๆ

Apple Arcade : บริการสมัครสมาชิกเกม ที่มีเกมระดับคอนโซลให้เลือกเล่นหลายร้อยเกม ค่าบริการเดือนละ 99 บาทต่อเดือน เล่นได้ทั้งบน iPhone iPad Apple TV และ Mac
แอป mail : เขียน E-mail ได้อย่างมืออาชีพขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถปรับ ฟอนต์ ขนาด สี การจัดแนว การเยื้องข้อความเข้าและออก รวมถึงรายการขึ้นต้นด้วยตัวเลขหรือจุดได้
แอป Notes : มากับมุมมองแบบใหม่ และสามารถค้นหา Note ที่ต้องการได้ด้วย พร้อมลูกเล่น ทำ Checklist ส่วนโฟลเดอร์ที่แชร์ก็ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานร่วมกับผู้อื่นในโฟลเดอร์หรือโน้ตได้ง่ายขึ้น
แอป Health : เข้าถึงข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม และสำหรับคุณผู้หญิงสามารถติดตามเรื่องรอบเดือน และการตกไข่ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยมองภาพรวมเรื่องสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น
Safari : หน้าเริ่มต้นที่ปรับปรุงใหม่ใน Safari โดยจัดเว็บไซต์ที่เข้าชมบ่อย เพื่อให้ผู้ใช้ไปยังหน้าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
การแก้ไขข้อความ : สามารถย้ายตัวเคอเซอร์ และเลือกข้อความได้ง่ายขึ้น เลื่อนดู เอกสาร เว็บไซต์ และ E-mail ที่ยาวๆได้รวดเร็วขึ้น เพียงแตะที่แถบเลื่อนค้างไว้แล้วลากไปด้านล่างหรือด้านบนของหน้าจอ

อุปกรณ์ที่สามารถอัพเดตเป็น iOS 13 ได้ มีดังนี้
iPhone 11
iPhone 11 Pro
iPhone 11 Pro Max
iPhone XS
iPhone XS Max
iPhone XR
iPhone X
iPhone 8
iPhone 8 Plus
iPhone 7
iPhone 7 Plus
iPhone 6s
iPhone 6s Plus
iPhone SE
iPod touch (รุ่นที่ 7)
ที่มา : Apple