การวิ่งทำให้ดูอ่อนกว่าวัย..จริงไหม?
top of page
  • รูปภาพนักเขียนiPhone iOS Thailand

การวิ่งทำให้ดูอ่อนกว่าวัย..จริงไหม?

การวิ่งคือรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกายที่มาพร้อมกับคุณประโยชน์หลายอย่าง เช่น ผ่อนคลายความเครียด นอนหลับดีขึ้น ทำให้สมองปลอดโปร่ง และเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง

การศึกษาล่าสุดได้ตั้งข้อสงสัยว่าการวิ่งทำให้ดูอ่อนกว่าวัยจริงหรือ? ทฤษฎี “Runner’s Face” คือการที่ใบหน้าเด้งซ้ำๆขณะวิ่งจนทำให้ใบหน้าซูบผอม

แล้วทฤษฎี “Runner’s Face” มาจากไหน?

การออกกำลังกายอย่างหนักสามารถทำให้ผิวเสื่อมสภาพได้อันเนื่องมาจากการสร้างอนุมูลอิสระหรือภาวะความไม่สมดุลของอนุมูลอิสระที่เพิ่มขึ้น ร่างกายของคนเราจะสร้างอนุมูลอิสระเมื่อรู้สึกกดดันหรือเครียด ดังนั้นร่างกายจึงต้องอาศัยสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งที่ผลิตเองในร่างกายหรือบริโภคเข้ามาเพื่อต่อสู้กับผลกระทบดังกล่าว เมื่อเกิดภาวะความไม่สมดุลของอนุมูลอิสระบนผิวหนังก็จะทำให้เกิดริ้วรอยแห่งวัย เนื่องจากการลดลงของคอลลาเจนกับอีลาสตินซึ่งทำให้เกิดการหย่อนคล้อยและอาจเป็นสาเหตุของ Runner’s Face


วิธีแก้ง่ายๆ เพียงรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและมีความสมดุล เช่น ผักใบเขียวและผลไม้ ส่วนสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์เฉพาะที่เช่นเซรั่มวิตามินซีก็มีประโยชน์ต่อผิวหนังเช่นกัน (แสงแดดกับมลพิษทางอากาศก็เป็นปัจจัยที่ควรพิจารณา)

นักวิ่งที่นิยมวิ่งกลางแจ้งอาจต้องเผชิญกับภาวะความไม่สมดุลของอนุมูลอิสระ ขณะเดียวกันก็อาจเป็นเพราะแสงแดดหรือน้ำหนักตัวลดลงจนใบหน้าซูบผอม การถูกแสงแดดมากเกินไปจะทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหนังหนา สูญเสียความอิ่มเอิบ และเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นคุณควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดและออกกำลังกายในปริมาณที่พอดี


การขยับขึ้นๆลงๆไม่มีอะไรน่าห่วง การขยับขึ้นๆลงๆจากการวิ่งไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้คุณแก่เร็วขึ้น แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในระดับเซลล์ต่างหาก การออกกำลังกายคือองค์ประกอบสำคัญของสุขภาพที่แข็งแรง และจะส่งผลต่อผิวในเชิงบวกโดยเฉพาะการฝึกคาร์ดิโอ ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลำเลียงออกซิเจนกับสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิว ผิวจะได้รับการซ่อมแซมและมีการผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการสร้างเซลล์ใหม่และขจัดสารพิษต่างๆออกไป เหงื่อที่ร่างกายหลั่งออกมาขณะออกกำลังกายนั้นก็ส่งผลดีต่อผิวเนื่องจากเป็นการกำจัดของเสียในร่างกายเช่นสารยูเรียและแอมโมเนีย นอกจากนี้ก็ยังช่วยในการผลิตไขผิวหนังซึ่งหลั่งออกมาจากต่อมไขมันด้วย ทั้งสารยูเรียและไขผิวหนังจะช่วยทำให้ผิวอ่อนนุ่มและชุ่มชื่นขึ้น


การศึกษายังพบอีกว่า เหงื่อสามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรียอย่างสแตฟีโลคอคคัส ออเรียส และอีโคไลได้ด้วย อย่างไรก็ตามเหงื่อมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางและมลพิษ ซึ่งจะสะสมและอุดตันรูขุมขนจนทำให้เกิดสิวหรือรูขุมขนอักเสบได้ สุดท้ายการออกกำลังกายจะช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย ดังนั้นวางใจได้เลยว่าคุณจะไม่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรงอย่างโรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน และสิวอย่างแน่นอน


กุญแจสำคัญคือทำทุกอย่างแต่พอดี

รายงานเก่าๆอ้างว่า การวิ่งหรือออกกำลังกายมากเกินไปอาจส่งผลให้แก่เร็วกว่ากำหนด ขณะที่หลักฐานอื่นๆ กลับชี้ว่าการออกกำลังกายจะยิ่งทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ ไม่ต่างจากคำพูดที่ว่าการดื่มไวน์เพียงเล็กน้อยนั้นดีต่อสุขภาพ แต่ถ้ามากเกินไปก็กลายเป็นโทษนั่นเอง เราเรียนรู้ว่าทุกอย่างต้องทำในปริมาณที่พอดี แต่ถ้ากดดันตัวเองมากเกินไป ร่างกายอาจได้รับผลกระทบในทิศทางตรงกันข้าม คุณต้องตักตวงความสุขแต่พอดี ซึ่งหมายถึงการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้เท่ากับร้อยละ 40-60 ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดเป็นจำนวน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ทุกคนควรออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายและหัวใจ รวมถึงเนื้อเยื่อให้แข็งแรง รับรองว่าใบหน้าจะดูอ่อนเยาว์และไร้ริ้วรอยอย่างแน่นอน

bottom of page